มีคุณลุงชาวบ้านนอกคนหนึ่ง มีลูกสาว ๒ คน
เมื่อโตเป็นสาว คนโตได้สามีเป็นชาวบ้านนอก คนรองได้สามีเป็นชาวกรุง
เขยชาวกรุงเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ค้นคว้าหาความรู้ต่าง ๆ เป็นประจำ
เขยชาวบ้านนอกเคยบวชเรียนแล้ว เป็นคนฝักใฝ่ธัมมะธัมโม
คุณลุงผู้เป็นพ่อตาชอบที่จะพูดคุยกับเขยชาวกรุง แต่เขยชาวกรุงไม่ชอบพูดด้วย เพราะคิดว่าพ่อตาเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้อะไร
วันหนึ่ง คุณลุงกับลูกเขยทั้งสอง นั่งเรือไปธุระด้วยกัน
คุณลุงเกิดความคิดจะทดสอบภูมิความรู้ของลูกเขยทั้งสองดู
พอดีเห็นเป็ดว่ายน้ำผ่านมา จึงตั้งคำถามขึ้นว่า
"นี่เขยกรุง ทำไมเป็ดมันจึงลอยน้ำได้ล่ะ ?"
"อ๋อ ก็เพราะขนของเป็ดมันเป็นมัน ขนไม่เปียกชุ่มน้ำ มันจึงลอยน้ำได้ครับ"
"แล้วเขยบ้านนอก จะตอบว่าไงล่ะ ?"
"มันเป็นธรรมดาครับพ่อ มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง"
เรือวิ่งต่อมา ได้เจอห่านตัวหนึ่ง กำลังส่งเสียงร้องดังลั่น คุณลุงจึงตั้งคำถามว่า
"นี่เขยกรุง ทำไมห่านมันจึงร้องเสียงดังลั่นได้ล่ะ ?"
"อ๋อ ก็เพราะคอมันยาว มันจึงสามารถรีดเสียงออกมาได้มาก เสียงของมันจึงดังลั่นได้ครับพ่อ"
"แล้วเขยบ้านนอก จะตอบว่าไงล่ะ ?"
"มันเป็นธรรมดาครับพ่อ มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง"
ต่อมา เรือผ่านหน้าวัด คุณลุงเห็นจีวรของพระที่ตากอยู่ จึงตั้งคำถามว่า
"นี่เขยกรุง ทำไมจีวรของพระจึงมีสีเหลือง อย่างนี้ล่ะ ?"
"อ๋อ ก็เพราะพระท่านนำเอาสีเหลืองมาย้อมจีวรน่ะซีครับ จีวรของท่านจึงได้เป็นสีเหลือง"
"แล้วเขยบ้านนอก จะตอบว่าไงล่ะ ?"
"มันเป็นธรรมดาครับพ่อ มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง"
ชะอุ ! ! คุณลุงชักนึกฉุนในใจ
ครู่ต่อมา คุณลุงเห็นหน่อไผ่อยู่ข้างตลิ่ง จึงตั้งคำถามว่า
"นี่เขยกรุง เห็นหน่อไผ่นั่นไหม ยอดมันก็อ่อน ๆ แต่ทำไมมันดันดินขึ้นมาได้ล่ะ ?"
"อ๋อ ก็เพราะหน่อไผ่ มันมียอดที่แหลม มันจึงดันแทรกดินขึ้นมาได้ครับ"
"แล้วเขยบ้านนอก จะตอบว่าไงล่ะ ?"
"มันเป็นธรรมดาครับพ่อ มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง"
ชะอุ ! ! ! คุณลุงนึกฉุนเขยบ้านนอกมากขึ้น
ต่อมา คุณลุงมองดูข้างตลิ่งเห็นมีรูอยู่รูหนึ่ง จึงตั้งคำถามว่า
"นี่เขยกรุง ดูรูนั่นสิเห็นมั้ย สงสัยว่าทำไมปากรูมันถึงได้เป็นมันเลื่อมอย่างนั้นล่ะ ?"
"อ๋อ ก็เพราะมีสัตว์เลื้อยคลานประเภทงู มันเลื้อยเข้าเลื้อยออกเป็นประจำ ปากรูถึงได้เป็นมันเช่นนั้นครับ"
"แล้วเขยบ้านนอก จะตอบว่าไงล่ะ ?"
"มันเป็นธรรมดาครับพ่อ มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง"
คราวนี้ คุณลุงเคืองเขยบ้านนอกมาก ที่ตอบมาเช่นเดิมทุกครั้ง แต่ก็ยังไม่พูดอะไร จนกระทั่งมาถึงบ้าน
เมื่อขึ้นบนบ้านเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกเขยทั้ง ๒ มา แล้วต่อว่าเขยบ้านนอกว่า
"นี่ พ่อเขยบ้านนอกตัวดี ที่ฉันถามอะไร ๆ ไป แกก็ตอบว่า มันเป็นธรรมดา ๆ ทุกครั้งไป ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย สู้เขยกรุงเค้าก็ไม่ได้ ไอ้ธรรมดาของแกน่ะมันคืออะไรล่ะหา ?"
"อ๋อ เรื่องเป็ดลอยน้ำได้นั้นน่ะ ที่เขยกรุงเค้าตอบว่า ที่เป็ดมันลอยน้ำได้ เพราะขนของมันเป็นมันนั้น ที่จริงมันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป ก็ทีฟาง หรือขี้ควายแห้ง ๆ ไม่ได้เป็นมันอะไร ทำไมมันลอยน้ำได้ล่ะ มันก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือครับ คุณพ่อ"
"เออ มันก็จริงของเอ็ง แล้วที่ฉันถามเรื่องห่านร้องเสียงดังล่ะ แกจะอธิบายว่ายังไง ? "
"อ๋อ ไม่จำเป็นหรอกครับที่สัตว์คอยาวจะต้องร้องเสียงดังเสมอไป ก็ดูอย่างยีราฟสิครับ คอของมันก็ออกยาว แต่เสียงไม่เห็นดังเลย ตรงกันข้ามดู กบ อึ่งอ่าง สิครับ คอของมันก็สั้นนิดเดียว แต่ทำไม่มันร้องเสียงดังได้ล่ะ มันก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือครับ คุณพ่อ"
"เออ มันก็จริงของเอ็ง แล้วที่ฉันถามเรื่องสีของจีวรพระล่ะ แกจะอธิบายว่าไง ?"
"อ๋อ อะไรที่มันมีสีเหลืองน่ะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีใครไปย้อมมันหรอกครับ ก็ดูอย่างหัวขมิ้นสิ มีใครดำดินลงไปย้อมสีให้มันรึเปล่า ทำไมมันมีสีเหลืองได้ล่ะ มันก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือครับ คุณพ่อ"
"เออ มันก็จริงของเอ็งอีกว่ะ แล้วที่ฉันถามเรื่องหน่อไม้ล่ะ แกจะอธิบายว่าไง ?"
"อ๋อ ไม่ใช่ว่าอะไรที่มันต้องมียอดแหลมเท่านั้น จึงจะดันดินขึ้นมาได้ ก็ดูอย่างเห็ดสิครับ หัวของมันก็ทู่ ๆ ตัวก็นิ่ม ๆ แต่ทำไมมันดันดินขึ้นมาได้ล่ะ มันก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือครับ คุณพ่อ"
"เออ มันก็ถูกของเอ็งอีกน่ะแหละ แล้วที่ฉันถามเรื่องรูที่เป็นมันนั่นล่ะ แกจะอธิบายว่าไง ?"
"คุณพ่อครับ ไม่จำเป็นหรอกครับ ที่จะต้องมีตัวอะไรมันเลื้อยเข้าเลื้อยออก แล้วมันถึงจะเป็นมันได้"
แล้วเขยบ้านนอกก็ชี้ไปศีรษะของพ่อตา (ซึ่งมีศีรษะล้านใส) แล้วพูดสัพยอกว่า
"ก็ ดูอย่างศีรษะของคุณพ่อซีครับ....ไม่เห็นมีตัวอะไรมันเลื้อยเข้าเลื้อยออกเลย แต่ทำไมมันถึงได้มันแผล็บอย่างนี้ล่ะคะร้าบ มันก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือครับ คุณพ่อ"
พ่อตา....? ? ?
(ธรรมดา จะเรียกว่า ธรรมชาติ ตถตา หรือ อิทัปปัจจยตา ก็ได้เช่นเดียวกัน)
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
การมองอะไร ๆ เห็นเป็นของธรรมดา ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ตกใจ หรือแปลกใจ ไม่เกิดความรัก ไม่เกิดความชัง
ทำจิตให้เฉยอยู่ได้ ด้วยความรู้เท่าทันว่า ทุกสิ่งเป็นเพียงสภาพธรรม เป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
มีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น
เมื่อเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นหมดไป มันก็ดับไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น