มีความเชื่อที่เข้าใจกันผิดๆที่เห็นกันบ่อยๆคือ “การทำบุญซื้อความรัก”ประโยค นี้อาจไม่ค่อยมีใครเคยได้ยิน แต่ถ้าถามว่าใครเคยเอาเงินไปซื้อพวงมาลัย ซื้อของทำบุญ หยอดเงิน ถวายของพระเสร็จแล้ว เอามิือประนมนิ้วโป้งจรดหน้าผาก "สา.....ธุ ขอให้เจอเนื้อคู่ซะทีเถ๊อะ.... ขอให้เราสองครองคู่อยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลายที่เถ๊อะ....." อันนี้อาจฟังดูคุ้นๆขึ้นมาบ้าง:) ถ้าคนเราขอคนรัก ความรักดีๆกันได้ง่ายๆยิ่งกว่าใช้บัตรeasy passผ่านด่านทางด่วนล่ะก็คงจะดี แต่เพราะขอไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้นี่สิ เลยน่าจะมาเอะใจว่าทำพิธีกรรมผิดวิธีไปหรือเปล่า?
ที่ว่าการยกมือปรกๆขอนั้น แท้ที่จริงเค้าเรียกว่า "การอธิษฐาน" การอธิษฐานมันไม่ใช่อย่างการยกมือแบมือขอหรอกนะ แท้ที่จริงการอธิษฐานเค้าหมายถึงการกำหนดจิต ตั้งใจ ตั้งเป้าหมายให้ใจได้ตามนั้น แต่จะได้ไม่ได้นี่ขึ้นอยู่กับว่าเราเดินทางถูกไหม อดทนเดินทางไปจนถึงเป้าหมายไหม คือสร้างเหตุหรือทำกรรมไว้ตรงกับผลที่อยากได้หรือไม่นั่นเอง
การ ทำบุญนั้นช่วยนำอะไรดีๆเข้ามาในชีวิตจริง ช่วยเพิ่มโอกาสให้เรามีคนรักที่ดีได้จริง และทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกับคนที่เรารักได้จริง ช่วยดึงดูดใจสองดวงได้จริง แต่ต้องทำให้ถูก
การทำทานช่วยเรื่องความรักได้อย่างไร?
คนที่ทำทานเป็น หรือคนที่รู้จักให้ จะเข้าใจว่าขณะทำทาน ขณะให้นั้นใจเป็นสุขอย่างไร การทำทานที่ถูกหมายถึงการสละสิ่งที่เป็นของตน(เงิน ข้าวของ เวลา ปัญญา)เพื่อความสุขของผู้อื่น ใจที่เสียสละนั้นเปิดกว้าง ปราศจากความเห็นแก่ตัว ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกร่มเย็น มีความสุข คนแบบนี้มีเสน่ห์น่ารักไหมล่ะ?
"ใจของคนที่รู้จักให้คือใจของคนที่รู้จักรัก"
การรักษาศีลช่วยเรื่องความรักได้อย่างไร?
บางคนเข้าใจว่าถือศีล5ศีล8แล้วได้บุญใหญ่ เอาไปแลกเป็นความรักแบบบิ๊คโบนัสได้ แท้จริงแล้วศีลหมายถึงการมีเจตนางดเว้นไม่ละเมิดผู้อื่นให้ทุกข์หรือเดือดร้อน
อยู่ใกล้ๆคนละโมบ คนชอบเบียดเบียนแล้วเป็นทุกข์เป็นร้อนไหม? เราอยากอยู่ใกล้คนชอบหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ไหม? แล้วคิดว่าจะมีคนดีๆที่ไหนอยากอยู่ใกล้คนแบบนี้ไหม?
การรักษาศีล หรือการรักษากายวาจานั้น มีความรวมคือการสำรวจการกระทำซึ่งการทำอะไรบ่อยๆก็จะทำให้มีนิสัยเช่นนั้น "นิสัยก็คืออาจิณกรรมที่จะดึงดูดให้เจอคนแบบไหนตามกรรมที่เราทำมา ดังนั้นอยากมีคนรักเช่นไรก็ทำตนให้เป็นคนเช่นนั้น"
การภาวนาช่วยเรื่องความรักอย่างไร?
ที่ เขาว่ากันว่าภาวนานั้นเป็นบุญใหญ่เพราะการภาวนาเป็นการสอนให้ใจเห็นความจริง เข้าใจความจริง คือมุ่งเน้นที่ใจอันเป็นต้นตอของสิ่งทั้งปวง จะสุขจะทุกข์ก็เกิดจากใจ ทำกรรมอะไรจะชี้ขาดว่าดีไม่ดีก็ดูจากใจดวงนี้
การ ทำสมถะ การฝึกสมาธิ ช่วยให้ใจมีความหนักแน่นมั่นคง ไม่ฟุ้งซ่าน แส่ส่ายตามอารมณ์ทำให้ไม่ต้องพาลทุกข์เพราะอารมณ์โกรธ หึงหวง คิดมากและอื่นๆไปเอง นิสัยที่ไม่บุ่มบ่ามคือมีความอดทนนั้นย่อมช่วยให้สามารถรักษาความรักได้ดี
ลำดับ ต่อมาคือการทำวิปัสสนาคือการสอนใจ ให้เข้าใจ เห็นกายใจตนเองว่ามีความแปรปรวน เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถสั่งให้เป็นอย่างใจ(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)ยึดสิ่งใดก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น(เมื่อยึดก็ต้องหวง เมื่อหวงก็เกิดอาการหน่วงเหนี่ยว) เมื่อเข้าใจตามจริงได้แล้ว ก็ไม่เกิดการบังคับฝืนความจริง ฝืนใจใคร ใจเป็นอิสระจากความทุกข์ ก็รู้จักให้อิสระอันเป็นสุขแก่ผู้อื่น
"ใจที่เป็นสุขนั้นแหละที่เป็นแรงดึงดูดให้น่าอยู่ใกล้ ไม่ใช่ความต้องการยึดถือหรือฉุดดึงเข้าหาตัวเลย"
เมื่อ ใจรู้จักให้รู้จักรัก ก็มีเสน่ห์ เมื่อใจดีแล้วก็ดึงดูดสิ่งดีๆ คนดีๆเข้ามา เมื่อใจมีปัญญา มีความสามารถในการเห็นสิ่งต่างๆชัด เมื่อดีแล้วก็รู้ว่าคนดีเป็นเข่นไร ก็จะทำให้รู้จักเลือกคนรักที่รักเป็นและดีเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
และ สุดท้ายเมื่อทำบุญทำทานรักษาศีล และภาวนาเป็น ด้วยความเข้าใจว่ามีเป้าหมายเพื่อสละกิเลส โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นสาเหตุเเห่งทุกข์ อยู่ร่วมกับคนที่มีศรัทธาและความเห็นตรงกันเช่นนี้ ก็จะทำให้ร่วมเดินด้วยกันอย่างมีความสุข และบุญนั้นจะรักษาให้เจอกัน พบกันแล้วรู้สึกอบอุ่น เย็นใจเสมอ นี่แหละบุญสร้างรักของจริง
การทำบุญถ้าตั้งใจไว้ผิด ทำด้วยความโลภอยากได้ อยากยึดให้อยู่ร่วมกันนั้นแหละ เป็นเหตุให้ต้องทุกข์ซ้ำๆ ไม่สมหวังสักที:)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น